รีวิว Sony PULSE 3D

สำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหาหูฟังดี ๆ เพื่อเล่นเกมบนเครื่อง PlayStation 5 ก็คงจะต้องชายตามาหา Sony PULSE 3D ก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยความที่เป็นหูฟังอุปกรณ์เสริมของเครื่อง ที่วางขายมาพร้อมกันอยู่แล้วตั้งแต่ต้นหากใครที่กำลังกังวล หรือมีความทรงจำไม่ดีมากับหูฟังสมัย PlayStation 4 แต่ก็ต้องบอกว่ารอบนี้ Sony ได้ทำการบ้านมาดี และรับรองว่าจะตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากสัมผัสประสบการณ์ Next-gen ในราคาระดับเริ่มต้นได้อย่างแน่นอน

สามารถใช้ได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation เท่านั้น

ราคา 3490 บาท

Sony PULSE 3D : หูฟัง Exclusive เฉพาะ PlayStation เท่านั้น

Spec พื้นฐานของ SONY PULSE 3D Wireless Headset

• Driver: Neodymium 40 MM.
• Body น้ำหนัก : ตัวหูฟัง 292 Gram / อแดปเตอร์ : 6 Gram
• Connection : 2.4 GHz RF / สาย 3.5 MM.
• ระยะการสื่อสารสูงสุด : ประมาณ 10 M
• ระยะเวลาการใช้งานเมื่อชาร์จจนเต็ม : สูงสุด 12 Hours ในระดับเสียงปานกลาง Medium
• สั่งการด้วยปุ่มกด Botton
• รองรับการชาร์จแบบ USB Type-C Cable

รูปลักษณ์

PULSE 3D มีการออกแบบมาได้เป็นอย่างดี ให้เข้ากับตัวเครื่องของ PlayStation 5 ที่เรียกได้ว่ามองผ่าน ๆ ก็สามารถรับรู้ได้เลย ด้วยการใช้ Body ให้สีขาวเป็นหลัก สลับกับสีดำบริเวณที่คาดหัวและตัวครอบหู ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่วัสดุของหูฟังก็เป็นพลาสติกคนละแบบกับตัวเครื่องของ PS5 ที่อาจจะไม่ทนทานมากนัก แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักของหูฟังที่กำลังดี สามารถใส่อย่างอย่างสบาย ไม่อึดอัด และตัวครอบหูยังเป็นหนังสังเคราะห์ ที่เป็นทรงกลมที่อาจจะทำให้คนที่หูใหญ่หน่อยใส่ไม่ค่อยสบาย ต้องขยับอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องอาจจะใช้เวลาอยู่พอตัวในการปรับตัวให้ได้ ในส่วนของการควบคุมหูฟัง ทุกอย่างมาแบบเป็นปุ่มกดอยู่ที่ฝั่งด้านซ้ายทั้งหมด และจัดวางปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ไว้บริเวณตรงกึ่งกลาง Middle ทำให้สามารถคลำหาได้ง่าย แต่ก็น่าเสียดายที่การเพิ่ม-ลดเสียงของ Sound Stereo ไม่ได้มาเป็นตัวหมุน ซึ่งน่าจะทำให้สามารถควบคุมระดับเสียงได้ดั่งใจกว่า

การเชื่อมต่อ : Connection

แน่นอนว่า PULSE 3D ออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานไร้สายเป็นหลัก โดยจะมี Adapter ให้เสียบเข้ากับพอร์ต USB ที่สะดวกมากอย่างที่หูฟัง PS5 ควรจะเป็น นั่นคือเพียงแค่เสียบ แล้วเปิดตัวหูฟังขึ้นมา เครื่อง PS5 ก็จะหาเจอและเริ่มใช้งานได้ทันทีแบบไม่มีรอยต่อ ขณะที่ใครจะเอาไปใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ขอแค่เพียงมี Port USB ก็สามารถใช้งานไร้สายได้เช่นเดียวกัน หรือจะต่อด้วยสาย 3.5 Millimeter. ก็แล้วแต่ที่สะดวก แต่ทั้งนี้ฟีเจอร์เฉพาะที่ทำมาให้กับตัวเครื่อง PS5 ก็จะโดนตัดออก เหลือหลัก ๆ แค่เพิ่มลดเสียง และเปิดปิดไมค์เท่านั้น จุดที่น่าชื่นชมอยู่ที่ตัว Adapter ที่มาแบบเรียวยาว ทำให้ไม่กินพื้นที่กับ Port ข้าง ๆ ของเครื่อง PS5 นั่นเอง

คุณภาพของเสียง

ด้วยความเป็นหูฟังเกมมิ่ง ทำให้ PULSE 3D เน้นที่การเก็บรายละเอียดเสียงไว้อย่างครบถ้วนน่าพึงพอใจ มีเบสมาเป็นลูก ๆ ให้รู้สึกได้แบบเต็มอิ่ม แต่ก็ไม่บวมจนไปรบกวนย่านอื่นบ่อยครั้งจนเกินไป ทางด้านคุณภาพเสียงไมค์ ก็ต้องบอกว่าทางผู้พัฒนาใส่แค่พอให้มันมีอยู่เท่านั้น เพราะเสียงรบกวนยังมีปรากฏอยู่ แต่เป็นระดับที่พอรับได้สำหรับใช้ในการสื่อสารกับเพื่อนในทีม

สรุปโดยรวมแล้ว PULSE 3D มีฟังก์ชันสำหรับการเล่นเกมเท่าที่จำเป็นบน PlayStation 5 มาให้อย่างครบถ้วน แต่ก็ไม่ถึงกับโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางหูฟังเกมมิ่งตัวอื่นในตลาด แถมยังมีจุดด้อยอยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ คือ การออกแบบ Earcup ที่ถ้าใส่นาน ๆ จะรู้สึกไม่สบายหู รวมไปถึงความจุของ Battery ที่ไม่ค่อยอึดมากนัก ที่ใช้ได้ประมาณ 9-12 ชั่วโมงเท่านั้น