รีวิวเกม Sonic Colors Ultimate

เกม Sonic Colors Version ต้นฉบับนั้นได้ลงให้กับเครื่อง Wii และ Nintendo DS ตั้งแต่เมื่อปี 2010 ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาคของ Sonic 3D ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ และด้วยกระแสที่กำลังนำเกมเก่า ๆ มา Remaster ที่แทบจะได้เห็นจากทุกค่าย Sega เองก็ไม่พลาดที่จะหยิบเอาภาคนี้จากเครื่อง Wii มาปรับปรุงกราฟิก และ Performance ใหม่ รวมไปถึงเพิ่มเติมสิ่งต่าง ๆ เข้าไป และเติมคำว่า Ultimate ต่อท้าย เพื่อให้แฟน ๆ หน้าใหม่ได้สัมผัสกับอีกหนึ่งภาคที่ดี ก็มาดูกันว่าการกลับมาคราวนี้ จะทำได้ดีแค่ไหนใน รีวิวเกม Sonic Colors Ultimate

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation 4 , Xbox ONE และ PC เท่านั้น

ราคา 1190 บาท

Sonic Colors Ultimate : การกลับมาอีกครั้งของเกมเจ้าเม่นสายฟ้า

Story & Game Design : เนื้อเรื่องและรูปแบบของเกม

เรื่องราวของภาคนี้ยังคงวนเวียนอยู่กับตัวร้ายประจำแฟรนไชส์อย่าง Eggman ที่คราวนี้ได้ทำการจับตัวบรรดาเอเลี่ยนที่เรียกว่า Wisp ไป เพื่อใช้พลังในการทำสิ่งชั่วร้าย และเป็นหน้าที่ของคู่หูอย่าง Sonic และ Tail ที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหานี้ การนำเสนอเรื่องราวจะตัดสลับกัน ระหว่างการเล่นและเนื้อเรื่องที่แทบจะไม่ได้มีอะไรสำคัญเลย เหมือนมีไว้เพื่อประกอบเกมเท่านั้น จะมีแทรกมุกตลกเด็ก ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าตลกอะไรขนาดนั้น ที่สำคัญคือแม้ตัวเกมจะ Remaster กราฟิกใหม่ แต่ภาพในฉาก Cut Scene นั้นกลับดูตกยุคสุด ๆ ซึ่งน่าจะเอามาจากเครื่อง Wii ทำให้ขัดอารมณ์มาก ๆ เมื่อเปลี่ยนจากฉาก Gameplay มายังฉากของเนื้อเรื่อง

Gameplay : ระบบภายในเกม

การเล่นในภาคนี้จะเป็นการผสมผสานการใช้ระบบ Boot System ที่จะเป็นการเพิ่มความเร็วให้กับ Sonic โดยต้องคอยเต็มพลังงานจากการช่วยเหลือ Wisp รวมไปถึงการใช้ความสามารถของ Wisp แบบอื่น ๆ ที่จะช่วยให้การเล่นดูหลากหลายมากขึ้น ในระบบ Gameplay เมื่อเริ่มต้นเล่นอาจจะรู้สึกขัดใจนิดหน่อย ที่การทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจ และการออกแบบตัวด่านนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ดังนั้นหากผู้เล่นไม่รีบ ค่อย ๆ ไป ก็อาจจะดูง่ายไม่ค่อยท้าทาย และบางด่านยังสั้นมาก ๆ ความท้าทายของในภาคนี้นั้นหลัก ๆ จะมาจากการที่ผู้เล่นจะเก็บสิ่งต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ หรือ ทำความเร็วสูง ๆ เพื่อให้ได้เวลาที่ดี

ความต้องการของระบบ

ขั้นต่ำ :

• CPU: Intel Core i5-6600 or AMD Ryzen 5 1600X
• RAM: 8 GB
• OS: Windows 10
• VIDEO CARD: NVIDIA GeForce GTX 650 Ti, 2GB or AMD Radeon HD 7790, 2 GB
• PIXEL SHADER: 5.0
• VERTEX SHADER: 5.0
• FREE DISK SPACE: 26.5 GB
• DEDICATED VIDEO RAM: 2 GB
• PERIPHERALS: Windows-compatible keyboard, mouse and headset, optional Microsoft Xbox 360 Controller
• MULTIPLAYER: 256 kbps or faster broadband connection

ขั้นแนะนำ :

• CPU: Intel Core i5-6600 or AMD Ryzen 5 1600X
• RAM: 8 GB
• OS: Windows 10
• VIDEO CARD: NVIDIA GeForce GTX 650 Ti, 2GB or AMD Radeon HD 7790, 2 GB
• PIXEL SHADER: 5.0
• VERTEX SHADER: 5.0
• FREE DISK SPACE: 26.5 GB
• DEDICATED VIDEO RAM: 2 GB
• PERIPHERALS: Windows-compatible keyboard, mouse and headset, optional Microsoft Xbox 360 Controller
• MULTIPLAYER: 256 kbps or faster broadband connection

ให้คะแนน 7.6 / 10 คะแนน เพราะ Gameplay ในเกมภาคนี้ยังคงสร้างความเพลิดเพลินได้อย่างดี เหมือนเช่นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแม้ว่าเรื่องราวของเกมจะทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ Cut Scene ที่ยกของเดิมมาทำให้ภาพไม่ละเอียด และตัวเกมบางด้านที่สั้นเกินไป รวมไปถึงความลื่นไหลของตัวเกมที่ยกเครื่องมาใหม่ได้ดีมาก ๆ ทำให้เกมนี้น่าเล่นมาก ๆ ไม่แพ้ภาคก่อนหน้านี้เลย