รีวิวเกม Kirby and the Forgotten Land การกลับมาของน้องจอมดูด

หากจะพูดถึงตัวละครสีชมพูอ้วน ๆ น่ารัก ๆ คงหนีไม่พ้นเจ้า Kirby ที่อยู่คู่วงการเกมมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในยุค 2D ที่เล่นในแบบมุมมองด้านข้าง แต่ล่าสุดใน Kirby and the Forgotten Land ก็ได้เปลี่ยนมานำเสนอตัวเกมในแบบ 3D แบบจัดเต็มเลยก็ว่าได้ ที่จะทำให้โลกภายในเกมดูมีมิติขึ้น ซึ่งรายละเอียดอื่น ๆ จะน่าสนใจแค่ไหนนั้น ก็ไปติดตามกันในรีวิวเกมนี้เลยครับ

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น

ราคา 2015 บาท

Kirby and the Forgotten Land : การกลับมาของน้องจอมดูด

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

อย่างที่รู้ ๆ กันดีครับว่าเกมนี้มักจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจมาตั้งแต่ภาคก่อน ๆ แล้ว ซึ่งในภาคนี้ก็จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้า Kirby ได้ถูกดูดเข้าไปในโลกแห่งหนึ่ง ที่ได้ล่มสลายไปแล้ว อีกทั้งชาวเมืองภายในเมืองก็โดนจับตัวไปอีก ซึ่งเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คือปีศาจอย่าง Beast Pack ซึ่งในโลกแห่งนี้เราจะได้เพื่อนใหม่อย่าง Elfilin ที่จะเป็นกระรอกที่จะเป็นเหมือนผู้นำทางในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งหน้าที่ของ Kirby ก็คือการทำให้โลกแห่งนี้กลับมามีความสุข รวมไปถึงฟื้นฟูเมืองแห่งนี้ให้กลับมาสดใสอีกครั้งนั่นเองครับ ซึ่ง Plot เรื่องก็ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เท่าที่ควร

Gameplay : ระบบภายในเกม

สำหรับใครที่คิดว่าในภาคนี้จะกลายเป็นแบบ Open World ก็คิดผิดแล้วครับ เพราะถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ตัวเกมก็ยังคงอยู่ในกรอบของเกม Action 3D อยู่ ที่จะต้องผจญภัยไปในด่านต่าง ๆ คล้ายกับเกม Mario ซึ่งใน Kirby ภาคนี้สิ่งแรกเลยที่เห็นได้ชัดว่ามาการเปลี่ยนแปลงคือ มุมกล้องในแบบ 3D ที่ถึงแม้อาจจะไม่สามารถปรับมุมกล้องได้ไม่ค่อยอิสระเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเล่นง่ายอยู่พอสมควร ซึ่ง Gameplay หลัก ๆ ก็คือต้องผจญภัยช่วยเหลือชาวเมือง ที่จะมีตั้งแต่การค้นหา การทำภารกิจ เป็นต้น ส่วนในเรื่องของฉากหลังแต่ละด่านก็ยังคงออกแบบมาได้อย่างดีตามสไตล์ของ Nintendo ที่จะใช้ประโยชน์ของฉากหลังมาผสมผสานกับ Gameplay ได้อย่างลงตัว และที่สำคัญเลยคือความสามารถของ Kirby ในเกมนี้ก็มีการพัฒนาขึ้นอีกด้วย ที่จะสามารถ Upgrade พลังได้ด้วยนั่นเองครับ

Graphic : กราฟิกต่าง ๆ ภายในเกม

มาถึงเรื่องของงานด้านกราฟิกกันบ้างครับ ก็ยังถือว่าทำออกมาได้ดี แต่ก็ยังไม่ได้ถึงกับคำว่ายอดเยี่ยม ซึ่งสิ่งที่ยังคงทำออกมาได้ดีอยู่ก็คือในเรื่องของความน่ารักของ Model ตัวละครของ Kirby ที่ยังคงออกแบบมาได้เป็นเอกลักษณ์อยู่ ที่มีการใส่ใจในเรื่องของรายละเอียดอย่างครบถ้วน แสงและเงาภายในเกมที่มีระดับ แต่เมื่อปรับกราฟิกในระดับที่สูงขึ้น ก็อาจจะมีการลดรายละเอียดลงไปบ้าง แต่ในส่วนของการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็ยังคงทำออกมาได้ลื่นไหล 60 FPS อย่างยอดเยี่ยมครับ

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ โดยรวมแล้วก็ถือว่ายังคงทำออกมาได้ตามมาตรฐานของ Kirby เป็นอย่างดี ที่ยังคงกลิ่นอายของ Series ไว้ได้อยู่ อีกทั้งยังมีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้านขึ้นไม่ว่าจะเป็น Gameplay กราฟิก รวมไปถึงตัวละครอย่าง Kirby เองก็มีการยกระดับขึ้นด้วยเช่นกัน