รีวิวเกม Horizon Chase Turbo

เรียกได้ว่าในช่วงโควิดนี้หลาย ๆ คนอาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่แค่ที่บ้าน ซึ่งหากใครที่เบื่อแล้วอยากหาเกมเล่นกันทั้งครอบครัว วันนี้เราก็มีเกมอย่าง Horizon Chase Turbo มารีวิวกันครับ ที่จะเป็นเกมแนวรถแข่ง ที่จะมาพร้อมกับกราฟิกที่คลาสสิค อีกทั้งยังมี SFX ที่สุดยอด แต่จะเป็นยังไงนั้นก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันในรีวิวเกมนี้กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch , Xbox , PlayStation และ PC เท่านั้น

ราคา 365 บาท บนร้านค้า Steam

Horizon Chase Turbo : เกมแข่งรถที่เล่นกันได้ทั้งครอบครัว

Graphic : กราฟิกต่าง ๆ ภายในเกม

มาเริ่มกันเลยครับในเรื่องของกราฟิก ซึ่งกราฟิกภายในเกมก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่ารักพอสมควร ที่จะมีการใช้สีสันที่สดใสภายในเกม อีกทั้งยังมีการคุมโทนให้มีความคมชัด เป็นอะไรที่โดดเด่นอีกด้วย ซึ่งมันก็แปลกไปจากเกมแนวเดียวกันเกมอื่น ๆ ที่จะมีฉากหลังที่ออกแบบมาได้ดีในระดับนึงเลย อีกทั้งในส่วนของรถแข่งแต่ละคันก็มีความโดดเด่นจากสีสันมาก ๆ อีกทั้งกราฟิกโดยรวมของเกมนี้นั้นก็จะเป็นแนว Retro หรือจะให้พูดง่าย ๆ เลยคือจะเป็นกราฟิกที่ไม่ได้เน้นไปที่ความสมจริง แต่จะเน้นไปที่สีสัน และ Model มากกว่า อีกทั้งยังมี Sound จาก Barry Leith มาให้ผู้เล่นได้ฟังระหว่างการเล่นอีกด้วย

Gameplay : ระบบภายในเกม

มาต่อกันในส่วนของ Gameplay กันบ้างครับ เกมนี้จะเป็นเกมแนว Racing หรือเกมแข่งรถ ซึ่งก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ ที่จะมีการควบคุมที่ไม่ซับซ้อนเลย ที่จะมีเพียงการเร่งความเร็ว การเลี้ยว และการใช้ Turbo ในการเพิ่มความเร็ว โดยในเกมนี้จะไม่มีการ Drift อะไรทั้งนั้น แต่ในเรื่องของความท้าทายนั้นก็ถือว่าทำให้ผู้เล่นท้าทายพอสมควรเลย เพราะ AI ที่เป็นคู่แข่งภายในเกมก็ถือว่าฉลาดพอสมควร และยิ่งกราฟิกภายในเกมที่มีสีสันก็อาจจะทำให้ผู้เล่นพลาดชนกับสิ่งกีดขวางภายในเกมได้ อีกทั้งระหว่างทางยังมีเหรียญ ที่ใช้ในการ Upgrade รถให้ผู้เล่นเก็บอีกด้วย และยังมีน้ำมันอีก เพราะในเกมนี้ถ้ารถของผู้เล่นน้ำมันหมด ก็ถือว่าแพ้ทันที

สิ่งอื่น ๆ ที่น่าสนใจภายในเกม

ตัวเกมจะไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งรถกันเท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มระบบ Upgrade มาอีกด้วย ที่ผู้เล่นจะต้องใช้แต้มที่สะสมมาเพื่อใช้ในการ Upgrade อีกทั้งยังมีการแข่ง World Tour เพื่อชิงแชมป์ แถมยังสามารถ Unlock สนามแข่งใหม่ ๆ ได้อีก ซึ่งจะมีสนามมากถึง 109 สนามเลย อีกทั้งองค์ประกอบของแต่ละสนามก็จะแตกต่างกันออกไปอีก และยังมีจุดเด่นของแต่ละสนามมากมายให้ผู้เล่นได้จดจำ และที่โดดเด่นเลยคือการเล่นแบบ Split Screen ที่จะเป็นการแบ่ง 2 จอ เพื่อเล่นกับคนในครอบครัวนั่นเอง ที่ไม่จำเป็นต้องเล่นแบบ Online ก็สามารถเล่นได้

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ ถือว่าเป็นเกมแข่งรถที่ทำออกมาได้ดีอีกเกมนึงเลย ที่ให้ความเป็น Arcade มากกว่าความสมจริง อีกทั้งยังมีการนำกราฟิกแบบ Retro มาใช้กับเกมในยุคนี่ได้อย่างลงตัว และ Gameplay เองก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ อีกด้วย