รีวิวเกม Ultra Street Fighter 2

หากจะพูดถึงเกมแนวต่อสู้ที่อยู่คู่ใครหลายคนมาอย่างยาวนาน หลัก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเกมอย่าง Tekken และ Street Fighter ที่แต่ละเกมนั้นก็ต้องบอกเลยว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ ในทุกยุค ซึ่งล่าสุดทางผู้พัฒนาอย่าง Capcom ก็ได้ปล่อยเกมอย่าง Ultra Street Fighter 2 ที่มีการยกระดับในเรื่องของกราฟิกขึ้นมาคมชัดมากขึ้น แต่ยังคงรักษามาตรฐานของ Gameplay ไว้ได้เป็นอย่างดี แต่จะเป็นยังไงก็ต้องไปติดตามในรีวิวเกมนี้กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch และ PC เท่านั้น

ราคา 1324 บาท

Ultra Street Fighter 2 : เกมต่อสู้ที่กลับมาอีกครั้งบนเครื่อง Switch

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

เกมในภาคนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาเลย หรืออาจจะแค่เล็กน้อย ที่ยังคงใช้กราฟิกที่ดูคลาสสิคมาตั้งแต่สมัยก่อน โดยใน Version นี้ก็ได้มีการยกระดับขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย โดยเกมนี้จะยังคงใช้รูปแบบ Gameplay แบบเดิมอยู่ ที่จะเป็นเกม Fighter 2D ที่นำเสนอผ่านมุมมองด้านข้าง อีกทั้งระบบการควบคุมหรือการโจมตี ต่อ Combo ต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิม อีกทั้งในภาคนี้ยังมีการเพิ่มเติมตัวละครขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งในการเพิ่มเข้ามาในครั้งนี้ก็เหมือนจะเป็นการ Upgrade ตัวละครที่หลาย ๆ คนรู้จักให้เก่งขึ้นทั้ง RYU และ KEN เช่นกัน

Gameplay : ระบบภายในเกม

รูปแบบ Gameplay ภายในเกมยังคงมีมาตรฐานเป็นเกม Action Fighter 2D ที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้ถึงระบบต่าง ๆ ดีอยู่แล้ว โดยหากจะให้อธิบายคร่าว ๆ ก็คือเกมนี้จะมีการควบคุมปกติทั่วไปคือการเดิน กระโดด หมอบ และการโจมตีต่าง ๆ ที่จะมีทั้งโจมตีเบา โจมตีหนัก อีกทั้งยังใช้พลังเฉพาะของแต่ละตัวละครได้อีกด้วย ซึ่งใน Version ของ Nintendo Switch นี้ ผู้เล่นจะได้เล่นใน HADO Mode ที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น RYU ตัวละครหลักของ Series ที่จะได้ใช้ท่าไม้ตายผ่าน Joy Con ที่ผู้เล่นจะต้องทำท่าทางจริง ๆ จึงจะทำให้ RYU ปล่อยพลังออกมานั่นเอง อีกทั้งการต่อ Combo ต่าง ๆ ก็ยังคงมีวิธีใช้เหมือนเดิม อีกทั้งศัตรูต่าง ๆ ภายในโหมดนี้ก็จะมีศัตรูหลายรูปแบบมาให้ผู้เล่นได้จัดการ

Game Mode : โหมดอื่น ๆ ภายในเกม

นอกจากการต่อสู้ในโหมดหลักของเกม กับ HADO Mode แล้ว ตัวเกมยังมี Buddy Battle ที่จะเป็นการที่จะให้ผู้เล่นกับเพื่อนได้ต่อสู้กับศัตรูด้วยกัน ที่เหมือนจะเป็นการต่อสู้แบบ 2 รุม 1 ซึ่งในโหมดนี้ก็สามารถเล่นได้ทั้งแบบ Online และ Offline อีกอย่างนึงที่สำคัญเลยคือในโหมดนี้ใช้เพียงแค่ Joy Con ชิ้นเดียวก็สามารถถเล่นกับเพื่อนได้แล้ว โดยผู้เล่นที่เพิ่งเคยเลยก็สามารถดูวิธีการต่อ Combo หรือวิธีการใช้ Skill ต่าง ๆ ได้จากข้าง ๆ ของหน้าจอ (สามารถปิดได้) หรือจะเลือกให้ใช้ Skill ต่าง ๆ ผ่านการกดแทนการเคลื่อนไหวก็ได้เช่นกัน

ให้คะแนน 7.5 / 10 คะแนน เพราะ เป็นเกมต่อสู้ที่ยังคงรักษามาตรฐานของ Gameplay ไว้ได้เป็นอย่างดี ตามที่ตัวเกมเคยมีมาก่อน อีกทั้งยังมีการยกระดับงานในด้านของกราฟิกขึ้นมาให้คมชัดขึ้น และยังมีการเพิ่มลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาทำให้ Gameplay ดูมีมิติขึ้นอีกด้วย