รีวิวเกม Super Mario 3D World + Bowser’s Fury

อีกหนึ่งเกมที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ครั้งแรกที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2013 แต่กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากออกมาผิดยุค ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง Wii นั่นเอง และเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟน ๆ อยากให้นำกลับมาขายมากที่สุดในยุคของ Nintendo หลังจากทยอย Remaster มาหลายเกม ก็ถึงคราว Series ใหม่จากแฟรนไชส์มาริโอ้ ที่ผสมผสานระหว่างแบบ 2D เข้ากับแบบ Full 3D เลยกลายเป็นความแปลกใหม่ของเกมมาริโอ้ตระกูล Platformer และรอบนี้ก็ไม่ได้นำเกมเดิมมาขายอย่างเดียว แต่ยังพ่วงเกมใหม่อย่าง Bowser’ s Fury เข้ามาอีก ก็มาดูกันว่าการกลับมาอีกครั้งบน Nintendo Switch ครั้งนี้จะน่าติดตามแค่ไหน ไปชมกันใน รีวิวเกม Super Mario 3D World + Bowser’s Fury

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น

ราคา 2006 บาท

Super Mario 3D World + Bowser’s Fury : อีกหนึ่งเกมของมาริโอ้ที่กลับมาอย่างยอดเยี่ยม

Story & Game Design : เนื้อเรื่องและรูปแบบของเกม

แน่นอนว่าเกมนี้จะประกอบไปด้วย 2 เกมใน 1 Copy นั่นก็คือตัวเกมหลัก และตัวเกมใหม่ที่ชื่อ Bowser’s Fury โดยเรื่องราวในตัวเกมหลักก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนที่ Bowser ทำการจับตัวบรรดา Fury ไป จึงเป็นหน้าที่ของ Mario และผองเพื่อนในการตามไปช่วยเหลือ ที่แทบจะเป็น Plot เรื่องที่แฟน ๆ Mario คุ้นเคย ส่วนในเกม Bowser’s Fury นั้น แม้ว่ายังคงตรีมการช่วยเหลืออยู่ แต่ก็ทำออกมาได้ดูแปลกใหม่มากขึ้น นั่นก็คือ Mario จะต้องทำการช่วยเหลือ Bowser ด้านมืดที่ถูกครอบงำโดยน้ำหมึกดำ โดยงานนี้ Mario จะมีผู้ช่วยเป็น Bowser Junior ลูกชายของ Bowser นั่นเอง ในการช่วยเหลืออสูรร้ายให้กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะตัวเกมทั้งคู่จะไม่ได้มีบทที่ลึกซึ้งและน่าติดตามอะไรมากมาย แต่ก็มีความแปลกใหม่มากเลยทีเดียว

Gameplay : ระบบภายในเกม

สิ่งที่ทำให้เกมจากแฟรนไชส์ Mario ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ แม้การเล่นจะดูคล้ายกันในทุก ๆ ภาค ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง กระโดด ที่เที่ยงตรงแม่นยำ และใน Version Switch นี้นอกเหนือจากการควบคุมทั่วไปแล้วยังสามารถใช้ไจโร และ Pointer ในการควบคุมได้อีกด้วย รวมไปถึง Level Design ที่สร้างสรรค์ ท้าทาย และความแปลกใหม่ในแต่ละด่าน ที่ผู้เล่นจะได้พบเจอ นอกจากนั้นตัวละครแต่ละตัวก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถกลับมาเล่นด่านเดิม ๆ ด้วยตัวละครใหม่ ๆ ได้อีกด้วย

Nintendo Switch Spec

• Size : 4 inches high, 9.5 inches long, and 0.55 inches deep (with Joy-Con attached)

*The depth from the tip of the analog sticks to the tip of the ZL/ZR buttons is 1.12 inches

• Weight : Approximately .71 lbs

(Approximately .93 lbs with Joy-Con controllers attached)

• Screen : Multi-touch capacitive touch screen / 7.0 inch OLED screen / 1280×720
• CPU/GPU : NVIDIA Custom Tegra processor
• Storage : 64 GB

*Users can easily expand storage space using microSDHC or microSDXC cards up to 2TB (sold separately).

• Wireless : Wi-Fi (IEEE 802.11 a/b/g/n/ac compliant) / Bluetooth 4.1
• Video output : Up to 1080p via HDMI in TV mode
• Audio output : Compatible with 5.1ch Linear PCM output
• Speakers : Stereo
• Buttons : Power button / Volume button
• USB connector : USB Type-C
• Headphone/mic jack : 3.5mm 4-pole stereo (CTIA standard)
• Sensor : Accelerometer, gyroscope, and brightness sensor
• Operating environment : 41-95 degrees F / 20-80% humidity
• Internal battery
• Lithium-ion battery / 4310mAh
• Battery life : Approximately 4.5 – 9 hours The battery life will depend on the games you play. For instance, the battery will last approximately 5.5 hours for The Legend of Zelda: Breath of the Wild.
• Charging time : Approximately 3 hours *When charging while the hardware is in sleep mode

ให้คะแนน 9.2 / 10 คะแนน เพราะ แม้จะเป็นเกมเก่าตั้งแต่ปี 2013 แล้วเอามาปรับปรุงกราฟิก และเพิ่มเติมสิ่งต่าง ๆ เข้ามาอย่างระบบการเล่น Online Multiplayer และเพิ่ม Speed ของตัวเกม ที่ต้องบอกเลยว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ