รีวิวเกม Shin Megami Tensei V

เป็นอีกหนึ่ง Serie เกมแนว JRPG ที่อยู่คู่วงการเกมมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1987 ตั้งแต่เกมในภาคแรก ๆ ซึ่งตลอด 30 ปีที่ผ่านมาก็มีภาคหลักของตัวเกมปล่อยออกมาน้อยมาก ๆ แต่ตัวเกมก็ยังคงเต็มไปด้วยแฟน ๆ ที่รอคอยอยู่ อีกทั้งยังสามารถขยายฐานผู้เล่นไปได้ไกลอีกด้วย แต่ในภาคล่าสุดอย่าง Shin Megami Tensei V นี้จะเป็นยังไงก็ต้องมาติดตามกันในรีวิวเกมนี้กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น

ราคา 1999 บาท

Shin Megami Tensei V : เกม JRPG ที่ยอดเยี่ยมของยุคสมัย

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

สำหรับเรื่องราวภายในเกมภาคนี้นั้น เราจะขอหยิบมารีวิวเกมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันก็ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ Series ที่ยังคงหนักหน่วงอยู่เหมือนเดิม โดยจะเริ่มต้นจากในรั้วโรงเรียน ซึ่งได้เกิดเหตุคนหายและถูกทำร้ายในกรุงโตเกียว ทำให้นักเรียนจะต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มเพื่อความปลอดภัย และหลักจากที่ตัวเอกรวมกลุ่มกับเพื่อนได้ไม่นาน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด ที่ทำให้โตเกียวได้หายไป และทำให้ผู้เล่นจะต้องมาติดอยู่ในโตเกียวในสภาพที่ล่มสลายไปแล้ว ที่เต็มไปด้วยทะเลทรายและปีศาจ ซึ่งนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวภายในภาคนี้ โดยตลอดเวลา 50 – 60 ชั่วโมง ผู้เล่นก็จะต้องมีสติทุกครั้งในการผจญภัย อีกทั้งยังต้องคอยค้นหาความจริงอีกด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น

Gameplay : ระบบภายในเกม

เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจความแตกต่างของเกมนี้ กับเกมในแนว JRPG เกมอื่น ๆ คือเกมนี้จะเน้นไปที่ระบบการต่อสู้มากกว่า ระบบการพูดคุย ซึ่งในภาคนี้ก็ทำออกมาได้ลึกล้ำและสนุกมาก ๆ แต่กลับกันหากผู้เล่นอยากจะมีชีวิตรอดในเกม ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ระบบต่าง ๆ ที่มีมากมาย และจะต้องอดทนต่อความท้าทายอีกด้วย สิ่งแรกที่ชัดเจนมาก ๆ ในการต่อสู้ในภาคนี้คือความยาก ที่บอกเลยว่าท้าทายมาก ๆ ถึงแม้จะเล่นในแบบ Normal ก็ตาม ที่ผู้เล่นมีโอกาสจะตายได้ง่ายจากศัตรูลูกน้องตามฉาก และยิ่งจะทำให้ผู้เล่นหัวร้อนขึ้นไปอีกหากไม่ได้ทำการ Save ไว้ โดยตัวเกมเองจะสามารถ Save ได้ในเฉพาะจุด Save เพียงเท่านั้นอีกด้วย

Presentation : การนำเสนอภายในเกม

จุดสังเกตหลักในงานด้านภาพคือสภาพแวดล้อมภายในเกม ที่ดูไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ และมีการนำกลับมาใช้ซ้ำจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำออกมาได้สอดคล้องกับเรื่องราวและ Setting ของเกมได้อย่างลงตัว อีกทั้งบรรดาปีศาจภายในเกมที่ออกแบบมาได้น่ากลัวพอสมควร อีกทั้ง Demon แต่ละตัวที่จะมีเอกลักษณ์ต่างกันออกไปทั้ง Art Style การออกแบบ และบุคลิกที่โดดเด่น อีกหนึ่งอย่างที่น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้คือความละเอียดของภาพ ที่มีการปรับขึ้นลงจนเกินไป ที่ทำให้ในบางจังหวะอาจจะขัดอารมณ์ผู้เล่นก็ว่าได้

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ Series ที่มีระยะเวลาห่างจากภาคที่แล้วถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการปรับสิ่งต่าง ๆ ให้ผู้เล่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง และ Gameplay ไว้ได้เป็นอย่างดี