รีวิวเกม Ratchet & Clank

เดินทางมาถึงภาคที่ 16 กันแล้วสำหรับเกมซีรีส์อีกหนึ่งเกมผจญภัยคู่บุญของเครื่อง PlayStation และภาคนี้ก็ได้มีการพัฒนายกระดับส่งให้นี่เป็นเกมพระเอก Exclusive บนเครื่อง PlayStation 5 ถือเป็นไม้เด็ดที่แฟน ๆ รอคอย ในเดือนมิถุนายนปี 2020 ในงานเปิดตัวเครื่อง PlayStation 5 ของ Sony หนึ่งในเกมที่ถูกเปิดตัวพร้อมกับเครื่องและกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงภาพได้ชัดเจนที่สุดว่าเครื่องเกมในรุ่นนี้จะทรงพลังขนาดไหนก็คือเกมที่มีชื่อว่า Ratchet & Clank : Rift Apart

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation 5  เท่านั้น

ราคา 1682 บาท

Ratchet & Clank  : สุดยอดเกม Action Shooting บนเครื่อง PS5

Story & Game Design : เนื้อเรื่องและรูปแบบของเกม

ภาคนี้ Ratchet และคู่หู Clank จะต้องออกผจญภัยทะลุมิติเพื่อหาทางยับยั้งตัวร้ายประจำตระกูลเกมอย่างเจ้า Doctor Nefarious ที่ฉวยโอกาสขโมยปืน Dimensionator ซึ่ง Clank มอบเป็นของขวัญให้กับ Ratchet เพื่อให้ใช้เดินทางตามหา Lombax ตัวอื่น ๆ ที่อาจจะอยู่ต่างมิติ แต่ด้วยการต่อสู้แย่งชิงกันทำให้ตัวปืนเสียหายจนทำให้เกิดรอยแตกของมิติขึ้นไปทั่วทั้งจักรวาล ตัวของ Ratchet เองจึงพลัดหลงกับ Clank และพาให้ Clank ได้ไปโผล่ในอีกมิติหนึ่ง โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องของเกมก็เป็นเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายมาในแนวฮีโร่ผู้กอบกู้จักรวาล แต่ส่วนที่ตัวเกมทำออกมาได้ดีมากก็คือการจ่ายบทให้ตัวละคร  ตัวละครทุกตัวภายในเกมนั้นมีเสน่ห์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าตัวเอกของเราไปจนถึงเจ้าตัวร้ายอย่าง Doctor Nefarious  โดยเฉพาะตัวละครใหม่อย่าง Rivet เผ่าพันธุ์ Lombax สาวที่ได้ร่วมมือกัน ในการผจญภัยครั้งนี้

Gameplay : ระบบภายในเกม

ส่วนหลัก ๆ ของเกมก็จะเป็นการออกทำภารกิจไปตามดวงดาวต่าง ๆ แบบเป็นเส้นตรง ออกสำรวจพื้นที่เพื่อตามหา Raritanium เพื่อมาอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์หรือทำภารกิจย่อยที่มีให้เลือกทำในแต่ละดาว ซึ่งนอกจากการต่อสู้แล้วภายในเกมเราก็จะได้เจอกับอุปสรรคมากมายหลายรูปที่มีทั้งการไขปริศนารวมไปถึงการใช้ความสามารถด้านการบังคับตัวละครตามสไตล์เกมแนว Platform

PlayStation 5 Spec

• CPU : x86-64-AMD Ryzen Zen 8 Cores / 16 Threads at 3.5GHz (variable frequency)
• GPU : Ray Tracing Acceleration
• GPU Architecture : AMD Radeon RDNA 2-based graphics engine
• Memory/Interface : 16GB GDDR6/256-bit
• Memory Bandwidth : 448GB/s
• Internal Storage : Custom 825GB SSD
• IO Throughput : 5.5GB/s (Raw), Typical 8-9GB/s (Compressed)
• Expandable Storage : NVMe SSD Slot
• External Storage : USB HDD Support
• Optical Drive (optional) : Ultra HD Blu-ray (66G/100G) ~10xCAV
• PS5 Game Disc : Ultra HD Blu-ray, up to 100GB/disc
• Video Out : HDMI Out port Support of 4K 120Hz TVs, VRR (specified by HDMI ver 2.1)
• Weigh :  4.5kg
• Power PS5 : 350W
• Input / Output : USB Type-A port (Hi-Speed USB)
• USB Type-A port (Super Speed USB 10Gbps) x2
• USB Type-C port (Super Speed USB 10Gbps)
• Networking : Ethernet (10BASE-T, 100BASE-TX, 1000BASE-T)

ให้คะแนน 8.5 / 10 คะแนน เพราะ นี่จัดเป็นผลงานเกมชิ้นเยี่ยมอีกชิ้นจากทีมงาน Insomniac โดยเฉพาะใครที่กำลังมองหาเกมที่ สนุก จบในตัว เป็นประสบการณ์แบบเต็มอิ่มไม่มีค้างคา ด้วยอาวุธที่หลากหลาย การพัฒนาหลายจุดจากตัวเกมภาคเก่า รวมไปถึงไอเดียใหม่ ๆ ที่ใส่เข้ามาช่วยส่งให้เกมนี้ น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งตระกูลเกมที่ผู้เล่นจับตามองหลังจากนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดของเกมตระกูลนี้อย่างแท้จริง