รีวิว Persona 4 Arena Ultimax รวมพลังทำลายคู่ต่อสู้ด้วยคอมโบสุดรุนแรง

อีกหนึ่งเกมอย่าง Persona 4 Arena Ultimax อดีตเกม RPG ที่เคยถูกดัดแปลงมาหลายรูปแบบ มีจุดเด่นในเรื่องของตัวละครที่สามารถนำมาสร้างต่อได้หลายสไตล์ อีกทั้งการนำเกมมารีเมกใหม่หลาย ๆ ครั้ง ก็ทำให้ชื่อของเกมเป็นที่จดจำ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในอดีตตัวเกมมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเกือบ 10 ปี ครั้งแรกที่ถูกนำมาวางขายคือปี 2012 บน PS3 , XBox360 ผ่านมาจนถึงปัจจุบันถูกนำมาวางขายบน บน PS4 , PC และ Nintendo Switch รีวิวเกมจะพามาดูพัฒนาการในเวอร์ชั่นล่าสุด ความพิเศษในเวอร์ชั่นนี้จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย

Persona 4 Arena Ultimax โหมดการเล่นที่แยกย่อยออกมามากมาย

เรื่องราวของเกมในภาคนี้ จะต่อเนื่องมาจากภาคที่ 3 ตัวละครที่อยู่ในเกมจึงเป็นการรวมตัวกันของภาค 3 และ 4 โดยมีการเพิ่มลีล่าในการต่อสู้ที่โหดยิ่งขึ้น เกมการต่อสู้ในแต่ละครั้งจะถูกออกแบบมาให้หนักไปทางการทำคอมโบและการปล่อยท่าไม้ตาย เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนให้อลังการมากยิ่งขึ้น

ภาพกราฟิกแบบ 2 มิติ ถ้าพูดในเรื่องของงานภาพ ก็คงต้องบอกเลยว่าอาจจะไม่โดนใจใครหลาย ๆ คน เพราะตัวกราฟิกเองถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นแบบ 2 มิติ ซึ่งแน่นอนว่าความคมชัดก็ไม่สามารถเทียบเท่าแบบ 3 มิติ อาจด้วยทีมผู้พัฒนายังอยากให้คงเป็นเกมที่มีความออริจินัลอยู่ จึงทำให้เห็นภาพที่ออกมายังเห็นเป็นรอยหยักของพิกเซลอยู่ แต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับแย่มาก ภาพยังคงไหลลื่น สีสันของเกมก็ทำโทนออกมาได้เข้ากันดีกับฉาก และถ้าพูดถึงในเรื่องตัวละครก็ยังคงสร้างให้ออกมาแบบต้นฉบับอยู่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถทำให้ผู้คนจดจำได้นั้นเอง

นอกเหนือจากนี้ยังมีคัทซีนสวย ๆ มาให้ชมระหว่างการเล่น มีเพลงประกอบมาขับกล่อมให้เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น เสียงพากย์ก็มีมาให้เช่นเดียวกัน เราจะได้ยินเสียงพากย์ทั้งในตอนที่ตัวละครกำลังต่อสู้และในระหว่างการปล่อยท่าไม้ตาย แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าตัวเกมยังคงความเป็นแบบฉบับดั้งเดิมไว้อยู่ ซึ่งถ้าหากใครเคยเล่นภาคก่อน ๆ มาก็อาจจะรู้สึกได้ว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

รูปแบบการต่อสู้ที่รวบรัด จัดเต็ม เรื่องของการต่อสู้ในภาคนี้จะมาในรูปแบบ Guilty Gear ที่เน้นการทำคอมโบต่อเนื่อง เน้นรูปแบบการเล่นที่ไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการเข้าถึง เพียงแต่ต้องเอาท่าต่าง ๆ มาประสานกันเพื่อให้เกิดความรุนแรง โดยผู้เล่นสามารถปล่อยคอมโบและการป้องกันการโจมตีของศัตรูได้กลางอากาศ ในภาคนี้ยังสร้างความรุนแรงของพลังในการทำลายล้างให้หลากหลายขึ้น เกมเพลย์จะอัปเดตในส่วนของ S-Hold ที่ช่วยให้เราชาร์จพลังการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และมันก็ทำให้ผู้เล่น เล่นเกมนี้ได้สนุกยิ่งขึ้นด้วย

ลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ในส่วนแรกก็คงจะเป็นเรื่องของตัวละครที่มีมาให้เล่นถึง 21 ตัว เพิ่มเติมจากภาคก่อน ๆ และเพิ่ม DLC มาให้ครบแบบไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม ผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครได้ตามใจชอบ ซึ่งมีมาให้ทั้งแบบธรรมดาและแบบพิเศษ ที่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของความสามารถบางอย่าง อีกหนึ่งความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็คือ ผู้เล่นสามารถเก็บค่าพลัง(ที่เป็นค่าHP) เอาไว้ใช้ในรอบต่อไปได้ เพราะโดยธรรมชาติของเกมจะให้ผู้เล่นคอยเก็บใหม่อยู่ตลอด ซึ่งก็ทำให้เสียเวลาไปกับจุดนี้เอามาก ๆ

โหมดการเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Golden Mode ผู้เล่นสามารถอัพเกรดเลเวลของตัวละครได้ทันที ในโหมดของเนื้อเรื่องก็จะแบ่งย่อยออกไปเป็นฉากย่อยของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเป็นคีทซีนที่เป็นการ์ตูนมาให้ชมระหว่างเล่น เท่านี้ยังไม่พอ ในเกมยังมีการเล่นเฉพาะของเรื่องราวภาค 4 ที่แยกย่อยออกมาอีก บอกได้เลยว่าใครที่เป็นสายเสพเนื้อเรื่องต้องฟินกับเกมนี้แน่นอน

โหมดฝึกสอนก็มีมาให้ในภาคนี้เช่นกัน สำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็สามารถกดเข้าไปเล่นโหมดนี้ได้ อีกหนึ่งโหมดที่น่าสนใจคือโหมดอาเขต ที่ต้องต่อสู้กับตัวละครต่าง ๆ ให้ครบตามที่เกมกำหนด โหมด On line ก็มีมาให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเหมาะมากสำหรับเกมเมอร์ที่เล่นบน PS4 หรือ PC ส่วนใครที่เล่นบน Nintendo Switch ก็อาจจะแย่หน่อยเพราะระบบของเครื่องเล่นเกมไม่สามารถรองรับการเล่นแบบ On line ได้ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าปู่นินจะอัพเดตระบบนี้ให้เราในอนาคตรึป่าว

อีกหนึ่งเกมที่อยากให้ทุกคนได้ไปลองเล่นกันดู ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เกมใหม่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในทุก ๆ ครั้งที่มีการนำกลับมาทำ ก็สามารถสร้างความสนุกและความประทับใจให้กับแฟนเกมได้ทุกครั้ง ลูกเล่นบางอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามาก็ถือว่าทำให้ตัวเกมมีความน่าสนใจมากขึ้น  เป็นเกมการต่อสู้ที่เน้นในเรื่องของการต่อสู้โดยแท้จริง