รีวิวเกม Megaton Musashi

หากจะมีชื่อของทีมงานอย่าง Level 5 ที่เป็นผู้สร้างผลงานที่โด่งดังมากมายหลายเกม ล่าสุดกับเกมอย่าง Megaton Musashi ที่จะเป็นเกมที่พวกเขาเป็นทีมงานผู้สร้าง ก็ต้องมาดูกันว่าการกลับมาของ Level 5 จะทำได้ดีขนาดไหน ในรีวิวเกม ๆ นี้ไปพร้อม ๆ กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation และ Nintendo Switch เท่านั้น

ราคา 699 บาท

Megaton Musashi : เกมหุ่นยนต์กู้โลกในแบบของ Level 5

Game About : เกี่ยวกับเกมนี้

เรื่องราวของเกมจะมีฉากหลังอยู่ในโลกอนาคต ที่มนุษย์เกือบทั้งโลกถูกจัดการไปแล้วโดยฝีมือของมนุษย์ต่างดาวที่บุกเข้ามายังโลก ส่วนคนที่เหลือรอดก็จะถูกลบความทรงจำที่เคยมีอยู่ออกไป ซึ่งคนเหล่านี้ก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเคยเกิดเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวบุกโลกขึ้น และไม่รู้อีกด้วยว่าผู้คนอื่น ๆ บนโลกได้หายไปหมดแล้ว แต่วันหนึ่งก็ได้มีวัยรุ่น 3 คนได้เข้าไปควบคุมหุ่นยนต์อย่าง Musashi และพวกเขาก็เลือกแล้วว่าจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกต่างดาว เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์คนที่เหลือ ซึ่งตัวเกมเองก็ยังมีฉาก Cut Scene สวย ๆ ในการต่อสู้ หรือต่อที่แปลงร่างอีกด้วย ซึ่งก็ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังดูการ์ตูนอยู่ไม่มีผิด

Gameplay : ระบบภายในเกม

รูปแบบ Gameplay ภายในเกมจะเป็นแนว Action ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ที่จะนำเสนอผ่านแนว Action 3D ในมุมมองบุคคลที่ 3  ที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมหุ่นยนต์ ที่จะมีตั้งแต่ตอนแปลงร่าง ไปจนถึงการส่งตัวไปยังพื้นที่ของพวกต่างดาว ซึ่งในการต่อสู้แต่ละครั้งก็จะไม่ยากจนเกินไปที่จะแค่จัดการกับศัตรูภายในฉากให้หมดไปก็เท่านั้น ซึ่งก็มีความท้าทายอยู่ในระดับนึง รวมไปถึงปัญหาของมุมกล้องที่ควบคุมไม่ได้ดั่งใจ ในส่วนของความสามารถของหุ่นยนต์ของผู้เล่นนั้นก็จะมีอาวุธหลายอย่าง ที่จะมีตั้งแต่การโจมตีระยะประชิดไปจนถึงอาวุธที่โจมตีระยะไกลได้ อีกทั้งอาวุธทั้ง 2 ชนิดนี้ยังสามารถเปลี่ยนได้ตลอดอีกด้วย แถมยังมีท่าไม้ตาย ที่จะเป็นเหมือนการตัดเข้า Cut Scene เล็ก ๆ ก่อนที่จะใช้อีกด้วย แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ

Game Mode : โหมดอื่น ๆ ภายในเกม

ในส่วนที่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นก็คงจะเป็นระบบการ Customize ตัวละคร ที่ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ชิ้นส่วนแต่ละอย่างของหุ่นยนต์ได้ แถมยังสามารถเปลี่ยนสีหรือลวดลายต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ที่จะเป็นการเพิ่มค่า Status อีกด้วย ในส่วนของกราฟิกของเกมนั้น ในช่วงการต่อสู้จะเป็นแบบ 3D ที่หลาย ๆ คนก็คงคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ซึ่งในบางช่วงก็อาจจะมีปัญหา FPS ตกอยู่บ้าง และในช่วงของ Story ก็จะนำเสนอผ่านรูปแบบของ 2D ที่เป็นแบบมุมมองด้านข้าง ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี

ให้คะแนน 7 / 10 คะแนน เพราะ หลังจากที่หายไปนานสำหรับทีมงานอย่าง Level 5 ทำให้การกลับมาของพวกเขาในครั้งนี้ยังคงทำออกมาได้ตามมาตรฐานของพวกเขาอยู่ ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีทั้งเนื้อเรื่อง ไปจนถึง Gameplay ที่น่าติดตามอยู่ตลอดเวลา ผ่านกราฟิกที่ให้อารมณ์ของอนิเมะอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีข้อสังเกตอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็โอเคเลย