รีวิวเกม Kirby’s Return to Dream Land Deluxe

สวัสดีค่าแฟนเกม รีวิวเกม Kirby’s Return to Dream Land Deluxe หรือ การผจญภัยของอ้วนกลมอมชมพูในฉบับรีมาสเตอร์ ซึ่งเป็นอีกซีรีส์เกมที่ได้รับความนิยมและเหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย และยังเป็นที่พูดถึงประจำค่าย Nintendo เพราะเนื่องจากตัวเกมเป็นหนึ่งในมาสคอตของปู่นิน ที่อาจจะไม่โด่งดังและเป็นที่นิยมเท่ากับ Mario หรือ Zelda แต่สุดท้ายแล้วตัวเกมก็ยังคงได้รับการพัฒนาและออกมาภาคใหม่อย่างต่อเนื่อง ในภาคแรก วางขายบน Gameboy ในปี 1992 หลังจากนั้นก็เปิดบริการบนคอนโซล ในส่วน รีวิวเกม วันนี้เราจะแฟนเกมชาวไทยไปกับความรู้จักและเข้าถึงความน่ารักซุกซนของพวกเขาในฉบับรีมาสเตอร์ต้นฉบับบน Wii ก่อนที่จะร่วมออกเดินทางผจญภัยครั้งใหม่ไปด้วยกัน

ร่วมออกเดินทางผจญภัยไปกับแก๊ง อ้วนกลมอมชมพู ใน Kirby’s Return to Dream Land Deluxe

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในการเดินทางผจญภัยครั้งนี้ของ Kirby’s Return to Dream Land Deluxe ก็ยังคงเหมือนกับภาคในต้นฉบับ เพราะอย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าเนื้อหาบางส่วนนั้นถูกดัดแปลงมาจากฉบับก่อน ซึ่งความวุ่นวายและปัญหาก็จะเริ่มต้นขึ้น เมื่อยานอวกาศ Lor Starcutter ได้ทะลุมิติเข้ามาในโลกที่ไม่คุ้นเคย ส่งผลให้ Kirby , Meta Knight, King Dedede และ Waddle Dee ได้พบเข้ากับมนุษย์ต่างดาวที่มีชื่อว่า Magolor ที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจาก Kirby ให้พวกเขาช่วยรวบรวมชิ้นส่วนยานที่สูญหายไปและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

กราฟิกที่อาจจะดูธรรมดาแต่ก็ไม่ได้เชย

ถ้าหากขึ้นชื้อว่าเป็นฉบับรีมาสเตอร์ แฟนเกมหลายคนคงทำความเข้าใจและรับรู้ดีกว่าตัวเกมและรูปภาพ หรือ ฉากต่าง ๆ ภายในเกม อาจจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพียงนำรูปแบบเดิมมาดัดแปลงและปรับเปลี่ยนบางส่วน เพื่อทำให้ฉากพวกนั้นดูดีขึ้นมาอีกหนึ่งระดับและเพิ่มความละเอียดเข้าไป เพื่อทำให้ตัวเกมมีประสิทธิ์ภาพในการเล่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ควรคาดหวังกับกราฟิกจนมากเกินไป เพราะกราฟิกภายในเกมส่วนใหญ่ยังคงเหมือนกับกราฟิกต้นฉบับที่ถูกจัดวางจำหน่ายมาแล้วนับ 10 ปี แต่ในภาคนี้ตัวเกมได้ถูกจัดวางจำหน่ายบน Wii ซึ่งทำให้กราฟิกความละเอียดต่ำ จึงทำให้ต้องปรับความคมชัดและรายละเอียดบางส่วนให้เหมาะสมกับทีวีในแต่ละรุ่น

ขึ้นชื่อว่าเป็นการรีมาสเตอร์ ทำให้ภาพในเกมจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่จะเอาของเดิมมาปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยและเพิ่มความละเอียดเข้าไป ทำให้หากคุณคาดหวังกราฟิกที่แตกต่างคงจะผิดหวังเพราะส่วนใหญ่จะเหมือนต้นฉบับที่วางขายมาเกิน 10 ปีแล้ว แต่เนื่องจากมันออกบน Wii รุ่นแรกเป็นกราฟิกความละเอียดต่ำทำให้มีการปรับความคมชัดให้สูงขึ้นเพื่อให้เข้ากับทีวียุคใหม่

รูปแบบการเล่นที่คุ้นเคยของ Kirby

ในส่วนรูปแบบการเล่นภายในเกม Kirby ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวเกมจะนำเสนอแบบแอคชั่น 2 มิติในมุมมองด้านข้างแบบตะลุยผ่านด่านและในรูปแบบการเล่นแบบนี้ ผู้เล่นไม่ต้องคิดอะไรมากนัก เพียงควบคุมตัวละครไปตามเส้นทางและใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวละคร ดูดกลืนสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้าเข้าไปในปากและยังสามารถใช้ท่าไม้ตายได้เช่นเดิม โดดสำคัญตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของซีรีส์ในภาคนี้

สำหรับแฟนเกมหน้าใหม่ที่ยังไม่เคย ก็ไม่ต้องเป็นกังวล พยายามเรียนรู้ตามคำแนะนำและปฏิบัติตามขั้นตอน ในระหว่าง เล่นเกมส์ หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการนำพลังงานของฝ่ายตรงข้ามาใช้กับตัวละครของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ถ้าหากศัตรูฝ่ายตรงข้ามเป็นไฟ และถ้า Kirby กลืนกินศัตรู หลังจากนั้น Kirby ก็จะสามารถใช้พลังไฟได้ และเมื่อกลืนกินศัตรูที่ใช้ดาบ Kirby ก็จะสามารใช้ดาบได้เช่นเดียวกัน

ความสนุกที่รอคอยอยู่ในโหมดเก่าและโหมดใหม่

ถ้าหากผู้เล่นต้องการร่วมออกเดินทางผจญภัย เพื่อตามหาชิ้นส่วนสำคัญของยานอวกาศ พร้อมกับเพื่อน ๆ ในโลกออนไลน์ ผู้เล่นก็สามารถเข้าไปเริ่มต้นความสนุกได้ที่โหมดผู้เล่นหลายคน หรือ Multiplayer โหมดนี้สามารถเล่นได้มากสุดถึง 4 คนเลยทีเดียว ในส่วนของโหมดเก่าชื่อ Merry Magoland ก็ยังชคงมีความสนุกและความหรรษาคงเดิม ซึ่ง Kirby และผองเพื่อนจะต้องเก็บบัตรผ่านทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในด่านปกติ เพื่อนำมาปลดล็อคมินิเกม โดยโหมดดั้งเดิมจะมรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ Mario Party

ในส่วนมินิเกมส่วนมากจะเป็นการละเล่นแบบสั้น ๆ แต่แฝงไปด้วยความท้ายและความตื่นตาตื่นใจ เช่น การแข่งยิงเป้า การขี่ดาวชนคู่ต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมินิเกมเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้าง หรือ พัฒนาขึ้นมาใหม่ เพียงมีอยู่ตั้งแต่ภาค Wii แต่บน Switch จะเพิ่มระบบเก็บสะสมแสตมป์เข้ามาด้วย ซึ่งเมื่อผู้เล่นผ่านด่านและเอาชนะคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ผู้เล่นจะได้รับสะสม เพื่อรับรางวัลพิเศษ

เวอร์ชัน Nintendo Switch สามารถยังรองรับระบบ amiibo โดยผู้เล่นทุกคนสามารถนำเอาโมเดลตัวละครมาสแกน เพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษและปิดท้ายความสนุกไปกับโหมดเนื้อเรื่อง ที่ทางทีมงานและผู้พัฒนาเกมได้ใส่ฉากเพิ่มเข้ามาและให้เล่น 2 ด่าน ซึ่งโดยรวมแล้วภาครีมาสเตอร์จะมีให้เล่นทั้งหมดถึง 9 ฉาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่คุ้มค่าสำหรับการรอคอย

สรุป Kirby’s Return to Dream Land Deluxe มีความสนใจและน่าเล่นเพียงใด ?

การผจญภัยและการเดินครั้งใหม่ของแก๊งอ้วนกลมในภาคนี้ ถึงแม้ว่าจะกลับมาในฉบับรีมาสเตอร์บน Nintendo Switch ซึ่งอาจจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วตัวเกมก็ยังมีความน่าสนใจและยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมือนกับต้นฉบับ เพียงแค่มีการปรับเปลี่ยนศัตรูและเพิ่มฉาก หรือ ดัดแปลงบางส่วนในเกมให้มีความทันสมัยขึ้น จึงทำให้ตัวเกมได้รับกับความนิยมและเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง และสำหรับใครที่เป็นสาสกและเป็นแฟนคลับซีรีส์ Kirby จะต้องไม่พลาดการเดินทางผจญภัยครั้งใหม่ เพื่อมาคอยลุ้นและเป็นกำลังใจกับพวกเขาว่าจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและอันตราย เพื่อปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จหรือไม่ ?