รีวิวเกม Huntdown

หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกันดีกับเกมอย่าง Huntdown ที่สามารถเล่นได้ทั้งบน PC และเครื่อง Console ที่เรียกได้ว่ากระแสตอบรับก็ไม่ใช่ธรรมดาเลยสำหรับเกมนี้ และล่าสุดทางทีมงานผู้พัฒนาก็ได้ใจดีนำเกมนี้มาปล่อยให้กับเกมมือถือได้เล่นกันบ้าง เรียกว่าสามารถเข้าถึงได้จากทุก Platform กันเลยทีเดียว ซึ่งก็จะมีทั้ง Version Free และเสียเงิน ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าใน Version เกมมือถือนี้จะสามารถเปรียบเทียบกับ Version อื่น ๆ ได้หรือไม่ในรีวิวเกมนี้กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PC , Android และ iOS เท่านั้น

เกมฟรี

Huntdown : เกม Action เดินยิงจาก Console สู่เกมมือถือ

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

หลักเลยทั้ง Version PC หรือ Version ของเกมมือถือก็จะมีโหมดหลักให้เล่นถึง 2 โหมดไม่ว่าจะเป็น Story Mode และ Arcade Mode ซึ่งในส่วนของ Story Mode นั้นผู้เล่นสามารถเล่นได้ฟรี ๆ โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นในปี 80 ณ เมืองแห่งหนึ่งที่เถื่อนมาก ๆ ที่จะเต็มไปด้วยแก๊งต่าง ๆ และเหล่าอาชญกรเต็มไปทั่วเมือง โดยผู้เล่นจะได้เลือกตัวละครจาก 1 ใน 3 ตัวละครที่จะประกอบไปด้วย Anna , John และ Mow Man ที่แต่ละตัวก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยหน้าที่หลัก ๆ ของผู้เล่นคือการรับภารกิจที่จะต้องไปจัดการกับศัตรูในแต่ละด่าน ที่จะจบลงด้วยการจัดการกับบอส ที่จะต้องจัดการบอสทุกตัวภายในเกมให้หมด เพื่อทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง

Gameplay : ระบบภายในเกม

ระบบ Gameplay จะมาในแนวเกม Action บนเกมมือถือ ที่ไม่ได้ซับซ้อน ที่ตัวเกมจะมีรูปแบบการโจมตีของศัตรูในด่านต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งก็จะผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ที่จะมีตั้งแต่หลบหลีกได้ง่าย ๆ ไปจนถึงอะไรที่ผู้เล่นคาดไม่ถึง หากประมาทก็จะทำให้ผู้เล่นไปไม่ถึงบอสของด่านนั้นก็ได้ ซึ่งใน Story Mode ก็จะเน้นไปที่การให้ผู้เล่นได้ผจญภัยคนเดียว อีกทั้งยังเลือกระดับความยากได้อย่างอิสระ โดยจะควบคุมตัวละครผ่าน Controller ที่อยู่ด้านซ้ายของจอ และปุ่ม Action ต่าง ๆ ที่ด้านขวา ที่จะประกอบไปด้วยปุ่มยิง กระโดด หลบหลีก และปาระเบิด ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากเกม Action เกมอื่น ๆ ทั่วไป

Graphic : กราฟิกต่าง ๆ ภายในเกม

หลายคนที่ได้เห็นกราฟิกภายในเกมก็อาจจะตกใจที่เป็นเหมือนเกมเก่า ซึ่งตัวเกมตั้งใจจะนำเสนอกราฟิกผ่านรูปแบบของเกมแนว 2D 16 Bit ที่จะให้ความรู้สึกเหมือนตู้เกมในสมัยก่อน ซึ่งก็มีการคุมโทนของสีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งฉากหลังของแต่ละด่านที่ให้อารมณ์ของเมืองที่ป่าเถื่อนได้อย่างถึงอารมณ์มาก ๆ อีกทั้งเหล่าศัตรูเองก็มีหลายรูปแบบให้ได้จัดการอีกด้วย

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ โดยรวมแล้วเกมนี้อาจจะคล้ายกับเกมเก่า แต่ก็สามารถนำเสนอสิ่งที่เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็น Gameplay ที่ให้ผู้เล่นได้ Action ได้อย่างสะใจ รวมไปถึงกราฟิกแนว Retro ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อีกทั้งยังมีการเก็บรายละเอียดของแต่ละอย่างภายในเกมได้ดีมาก ๆ