รีวิวเกม Curved Space

ในช่วงต้นปีมานี้ก็มีเกมใหม่ที่น่าจับตามองมากมายเลย ที่ไม่ว่าจะเป็นเกมระดับ AAA หรือเกมอินดี้เล็ก ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเกมอย่าง Curved Space ที่จะเป็นเกมบู๊ ที่มี Gameplay ที่คลาสสิค ที่จะนำเสนอผ่านกราฟิกในระดับที่ดีในระดับนึงเลย อีกทั้งฉากหลังของเกมที่น่าสนใจ ก็ต้องมาดูกันว่าเกมนี้จะทำออกมาได้ดีแค่ไหน ติดตามกันในรีวิวเกมนี้กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation , Nintendo Switch , Xbox และ PC เท่านั้น

ราคา 289 บาท

Curved Space : เกมบู๊ แอ็คชั่น ที่อาวุธเพียบ

Graphic : กราฟิกต่าง ๆ ภายในเกม

มาเริ่มกันในส่วนของกราฟิกของตัวเกมเป็นอะไรที่โดดเด่นมาก ๆ ยิ่งในด้านของรายละเอียดพื้นดินต่าง ๆ ในแต่ละด่านที่จะเป็นดวงดาวก็มีการเก็บรายละเอียดมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ อีกทั้งการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็ลื่นไหลมาก ในระดับ 60 FPS เลย ซึ่งก็เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ สำหรับเกมแนวนี้ เพราะมันแทบจะเป็นจุดที่เปลี่ยนเกมได้เลย ยิ่งในจังหวะที่ต้องหลบการโจมตีของศัตรู อีกทั้งการสวนกลับ หรือการตัดสินใจในการทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเอาตัวรอดให้ได้นานที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเจอกับศัตรูเยอะ ๆ เกมนี้ก็สามารถรองรับ Frame Rate ได้อย่างยอดดเยี่ยมเลย อีกทั้ง SFX หรือ Sound ภายในเกมก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเกมมาก ๆ

Gameplay : ระบบภายในเกม

ต่อมาเราจะมาเข้าสู่ส่วนสำคัญของตัวเกมนั่นคือ Gameplay ที่จะเป็นเกมแนว Shooting ที่จะมีทั้ง Story Mode ให้ผู้เล่นได้เจอกับเหล่า Monster ต่าง ๆ หลายชนิดบนดวงดาวต่าง ๆ อีกทั้งในบางช่วงของเกมก็จะมีการนำเสนอ Cut Scene เพื่อเป็นการเล่าเรื่องอีกด้วย โดยในภารกิจแต่ละดาวก็จะมีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป และในแต่ละดวงดาวนั้นก็จะมีบอสที่จะค่อย ๆ เพิ่มระดดับความโหดขึ้นอีกด้วย โดยหลัก ๆ นั้นผู้เล่นก็มีหน้าที่แค่การเดินหน้ายิงแบบไม่ต้องคิดอะไรอยู่แล้ว แต่เกมนี้จะมีจุดเด่นที่ต่างจากเกมแนวเดียวกันเกมอื่นตรงที่ อาวุธต่าง ๆ ภายในเกมจะมีให้ผู้เล่นเลือกใช้เยอะมาก ๆ อีกทั้งอาวุธแต่ละชนิดก็จะมีข้อจำกัดการใช้งานที่ต่างกันออกไป เพื่อให้ตัวเกมมีความยืดหยุ่นขึ้นนั่นเอง

จุดเด่นอื่น ๆ ของตัวเกม

นอกจากระบบ Gameplay ที่เร้าใจแล้ว สำหรับใครที่เล่นบนเครื่องอย่าง PS5 ก็จะมีความ Exclusive กว่าบน Platform อื่น ๆ กว่าตรงที่สามารถดึงเอาความสามารถอย่างจอย Dual Sense มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของระบบการสั่นในตอนที่ต่อสู้ รวมไปถึงเสียงพากย์ใน Cut Scene ที่จะออกมาจากลำโพงของตัวจอย และที่โดดเด่นเลยคือ Adaptive Trigger ที่มีความแตกต่างกันออกไปของอาวุธแต่ละประเภท ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับเกมในยุคนี้

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ เป็นเกมแนว Shooting อีกหนึ่งเกมที่สามารถเล่นได้หลาย Platform ที่ผู้เล่นจะมีหน้าที่เพียงการเดินหน้าถล่มศัตรูเท่านั้น ที่จะมีพร้อมกับ Gameplay ในระดับ 60 FPS อีกทั้งอาวุธที่มากมายหลายชนิดให้ได้เลือกใช้งาน แต่ก็น่าเสียดายตรงที่เสียงปืนภายในเกมยังทำออกมาได้ดีเท่าที่ควร