รีวิวเกม : Assassin’s Creed Valhalla

การสานต่อจากโลกชาวกรีก สู่ชาวไวกิ้ง จากผู้พัฒนา Ubisoft เป็นเกมในเครือ Assassin’s Creed การสานต่อของภาคีมือสังหารในครั้งนี้จะเป็นยังไง เป็นติดตามชมได้ในการรีวิว Assassin’s Creed Valhalla

สามารถเล่นได้ในแพลตฟอร์ม Xbox Series X, Xbox Series S, Xbox One, PlayStation 4, Epic Games Store และ Ubisoft Store บน Windows PC

Assassin’s Creed Valhalla : ตำนานนักฆ่าไวกิ้ง

Story : เนื้อเรื่องของเกม

รับจากวีรกรรมหยุดวันสิ้นโลกของ Desmond Miles ทำให้สนามแม่เหล็กของโลกยังคงผัวผวนอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนไปทั่วโลก หลังจากเหตุการณ์นั้นทีมของ Layla ได้รับสัญญาณไม่ทราบที่มา โดยมาพร้อมกับข้อความที่ว่า เขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ และต้องการให้พวกของ Layla ไปพบตามจุดพิกัด ซึ่งจุดที่ว่านั่นก็คือหลุมศพของชาวไวกิ้ง ในศตวรรษที่ 9 ที่ชื่อว่า Eivor และเขาก็คือตัวละครในอดีตที่ผู้เล่นจะได้เล่นในภาคนี้ เขาคือนักรบไวกิ้งจากแคลนเรเว่น ผู้ที่มีเป้าหมายคือการหาดินแดนแห่งใหม่เพื่อที่จะใช้อยู่อาศัย โดยพวกเขามีเป้าหมายคือ เกาะอังกฤษ โดยตามสไตล์ของ Assassin’s Creed ทุกภาค ผู้เล่นต้องตามติดชีวิตคนในอดีต เพื่อตามหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเนื้อเรื่องของภาคนี้จะอยู่ในช่วงการรุกรานของไวกิ้ง ยาวไปจนถึงพระเจ้าอัลเฟรดได้ขับไล่พวกไวกิ้งออกไปจากแผ่นดิน โดยเป้าหมายหลักของผู้เล่นนั่นก็คือการผู้มิตรกับชุมชนอื่น ๆ เพื่อพัฒนาหมู่บ้านให้แข็งแกร่ง

Presentation : การนำเสนอของเกม

ฉากสวย มีชีวิต เหตุการณ์ในเกมดูสมจริง นี่คือสิ่งที่ Assassin’s Creed ทำได้ดีมาตลอด แต่ในภาคนี้ความหลากหลายมันหายไปเยอะมาก เช่นชาวเมืองในชุมชนมีแค่การเดินไปเดินมา แทบไม่มีการใช้ชีวิตอื่น ๆ ให้ได้เห็นเลย พวกกองกำลังในแต่ละฝ่ายไม่มีการทำกิจกรรมหรือปะทะกันเอง สัตว์ป่าในตัวเกมก็ลดน้อยลง ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือในภาคนี้บรรยากาศในเกมมันเงียบเหงามาก ไม่เหมือนกับในภาคก่อน ๆ ยิ่งเล่นไปนาน ๆ ยิ่งน่าเบื่อ มีดีอยู่แค่อย่างเดียวคือฉากที่สวยงามก็แค่นั้น

Gameplay : ระบบของเกม

ตัวเกมมีความเป็น RPG ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวเลขของเลเวล การต่อสู้ในภาคนี้ก็จะลดการใช้สกิลลง แต่เพิ่มมาด้วยท่าในการต่อสู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปปกติจะทำได้ การควบคุมตัวละครจะรู้สึกว่ามันหน่วงขึ้น ไม่พลิ้วเหมือนในภาคก่อน ๆ แต่จะเน้นไปในทางหนัก ดุดันมากกว่า ที่ทำได้ดีในภาคนี้ก็คือการผสมผสานการต่อสู้ระยะไกลกับระยะประชิดได้อย่างลงตัว ระบบอาวุธก็สร้างสรรค์มากขึ้น ที่สามารถอัพเกรดได้ และสามารถนำอาวุธทั้ง 10 ชนิดมาถือเป็นคู่กันได้ ทำให้เกิดคอมโบการต่อสู้ใหม่ที่ผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์เองได้อย่างอิสระ

ความต้องการของระบบ

ขั้นต่ำ :

• Processor (AMD / INTEL): Ryzen 3 1200 – 3.1 Ghz / i5-4460 – 3.2 Ghz
• RAM: 8 GB (Dual-channel mode)
• Video Card: AMD R9 380 – 4GB / GeForce GTX 960 4GB
• Storage: 50 GB HDD (SSD Recommended)
• Operating system: Windows 10 (64-bit only)
• DirectX Version: DirectX 12

ขั้นแนะนำ :

• Processor (AMD / INTEL): Ryzen 7 1700 – 3.0 Ghz / i7-6700 – 3.4 Ghz
• RAM: 8 GB (Dual-channel mode)
• Video Card: AMD Vega 64 – 8GB / GeForce GTX 1080- 8GB
• Storage: SSD (50 GB)
• Operating system: Windows 10 (64-bit only)
• DirectX Version: DirectX 12

ถ้าให้คะแนนคงให้แค่ 5.5 / 10 เพราะตัวเกมน่าจะมีแค่เนื้อเรื่องอย่างเดียวที่โดดเด่น นอกนั้นดูไม่ต่างจากภาคก่อน ๆ เลย