รีวิวเกม Blast Brigade vs the Evil Legion of Dr.Cread เกมอินดี้สไตล์ Contra

อีกหนึ่งแนวเกมที่หลาย ๆ เกมมักนำมาใช้คือ Metroidvania ในรูปแบบ 2D ซึ่งทางผู้พัฒนาเกมอินดี้เล็ก ๆ หลาย ๆ เกมก็มักนำมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างเกมครับ เพราะสามารถสร้างได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้สนุกได้เป็นอย่างดี ล่าสุดกับเกม Blast Brigade vs the Evil Legion of Dr.Cread ที่จะเป็นเกมแนวเดินหน้ายิงศัตรูจากมุมมองด้านข้างที่จะให้อารมณ์เหมือน Contra ก็มาดูกันครับว่าจะสามารถทำออกมาได้ดีแค่ไหน ไปติดตามกันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation , Xbox , Nintendo Switch และ PC เท่านั้น

ราคา 289 บาท บนร้านค้า Steam

Blast Brigade vs the Evil Legion of Dr.Cread : เกมอินดี้สไตล์ Contra

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

ก็ตามที่เห็นกันใน Trailer เลยครับว่าเกมนี้ไม่ใช่เกมระดับ AAA จะเป็นเพียงเกมอินดี้เล็ก ๆ เกมหนึ่ง โดยในรีวิวเกมนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าทางผู้พัฒนาเองตั้งใจจะนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ภายในเกมเหมือนกับหนัง Action ยุค 80 ที่จะเป็นการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวละครทั้งหมด 4 ตัวที่จะสลับไปมาตลอดการผจญภัย ซึ่งก็เป็นอะไรที่ดูเชยมาก ๆ ครับ โดยเรื่องราวจะเริ่มขึ้นเมื่อผู้เล่นได้รับบทเป็น Jeff คนดังในอเมริกา ที่อยู่ ๆ ก็จะต้องเอาตัวรอดจากเกาะของ Dr. Cread ที่จะมีทั้งหุ่นยนต์แต่ละรูปแบบที่พร้อมจะมอบความตายให้กับเรา ผู้เล่นจะต้องเอาตัวรอดจากเกาะแห่งนี้ไปให้ได้

Gameplay : ระบบภายในเกม

สำหรับ Gameplay หรือการเล่นของเกมนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวเกมที่หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่จะเป็นแนว Action 2D เดินหน้ายิงจากมุมมองด้านข้าง ซึ่งสำหรับเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ ซึ่งในช่วงแรกผู้เล่นอาจจะรู้สึกว่าอาวุธหลักของเรามีเพียงปืนกลอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ใช่เลย เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะได้เล่นอาวุธอื่น ๆ อีกด้วย อีกทั้งเพื่อไม่ให้ตัวเกมง่ายจนเกินไป จึงทำให้เกมนี้มีการ Upgrade ปืนเข้ามาเสริมด้วย และอีกหนึ่งอย่างภายในเกมที่ทำออกมาได้ดีเลยคือการสลับตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวไปมาได้ตลอด แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวเกมไม่มีระบบ CO – OP นั่นจึงทำให้เกมนี้ไม่สามารถเล่นพร้อมกันกับเพื่อนได้ครับ

Graphic : กราฟิกต่าง ๆ ภายในเกม

หากมองผ่านอาจจะรู้สึกว่ากราฟิกเกมนี้คงเหมือนกับเกมมือถือธรรมดาทั่วไป แต่ไม่เลยครับ เมื่อได้ลองสัมผัสดูก็รู้ได้ทันทีว่าทำออกมาได้เกินคาดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดในระดับ HD รวมไปถึงการเล่นที่ลื่นไหลในระดับ 60 FPS ที่จะให้อารมณ์เหมือนกำลังเล่นเกมไปพร้อม ๆ กับการดูการ์ตูน แถมยังมี Cut Scene ที่แม้ว่าจะเป็นแบบ 2D แต่ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และในส่วนของ Sound ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ที่จะมีเสียงพากย์ของตัวละครไม่ว่าจะอยู่บน Cut Scene หรือ Gameplay เลยด้วยครับ

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ โดยรวมแล้วก็เป็นเกมที่นำรูปแบบการเล่นแบบ Metroidvania มาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเกมอินดี้ แต่กลับนำเสนอหลาย ๆ อย่างได้อย่างลงตัวทั้งกราฟิกแบบ 2D ที่คมชัด Gameplay ที่ผสมผสานระหว่าง Action และ Puzzle ได้อย่างลงตัว ซึ่งราคาเกมก็ไม่ได้แพงมากครับ ใครที่สนใจก็ลองหาซื้อมาเล่นกันได้ครับ