รีวิวเกม Rune Factory V การทำฟาร์มที่ผสมผสานกับระบบ RPG

ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีแฟน ๆ เยอะมาก ๆ ทั้งรอคอยภาคใหม่ที่ห่างหายไปเป็น 10 ปี รวมไปถึงการแปลภาษาเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ซึ่งในภาค Rune Factory V นี้ก็ได้ทำออกมาให้กับเครื่องอย่าง Nintendo Switch โดยเฉพาะ ที่ยังคงมีธีมหลัก ๆ ที่นำมาจากภาคก่อน ๆ ก็มาดูกันว่าในภาคล่าสุดนี้จะดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่ได้มากขนาดไหน ไปติดตามกันในรีวิวเกมนี้กันเลยครับ

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น

ราคา 2012 บาท

Rune Factory V : การทำฟาร์มที่ผสมผสานกับระบบ RPG

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

ในภาคนี้ก็ยังจะคงเหมือนกับหลาย ๆ ภาคที่เริ่มต้นผู้เล่นจะได้เลือกเพศของตัวเราก่อนที่จะเข้าไปช่วยเด็กผู้หญิงจาก Monster ที่จะมารู้ทีหลังว่าเธอคือตัวละครสำคัญของเรื่อง และแน่นอนว่าตัวเราจะสูญเสียความทรงจำ และถูกชักชวนให้มาอยู่ในเมือง Rigbarth จนได้กลายเป็นสมาชิกขององค์กรที่ชื่อว่า SEED หรือกลุ่มที่คอยช่วยเหลือดูแลความสงบสุขของผู้คนในเมือง ทั้งการทำ Quest และการจัดการ Monster เป็นหลัก จากนั้นตัวเกมก็จะให้อิสระกับการใช้ชีวิตประจำวันภายในเกมเต็มที่ แบบวันต่อวันให้ผู้เล่นได้เลือกทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระเลยครับ

Gameplay : ระบบภายในเกม

ส่วนที่ดูจะมีความโดดเด่นที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของการทำฟาร์ม ซึ่งก็ไม่ถึงขึ้นที่จะเข้าใจยากอะไร โดยผู้เล่นจะต้องเริ่มต้นจากพรวนดิน แล้วค่อยเพาะปลูกพืชต่าง ๆ หลังจากนั้นก็รดน้ำและใส่ปุ๋ยให้เหมาะสม ที่แม้ว่าอาจจะฟังดูธรรมดา แต่ถ้าใครชื่นชอบเกมแนวนี้ก็ติดใจได้ง่าย ๆ และกินเวลาของเราไปได้หลายชั่วโมงโดยที่ไม่รู้ตัวเลย รวมไปถึงแผนที่ในเกมนี้ก็สามารถที่จะดูงานต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันได้ เพราะแต่ละงานจะส่งผลถึงงานอื่น ๆ เช่นการตกปลา และทำฟาร์มจะช่วยเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟู เช่นเดียวกันกับการสำรวจโลกภายในเกม ก็จะได้ไอเทมหรือวัตถุดิบใหม่ ๆ มานั่นเองครับ รวมไปถึงระบบการต่อสู้ภายในเกมก็ทำให้เกมนี้มีความโดดเด่นกว่าเกมปลูกผักเกมอื่น ๆ ในตลาดได้อย่างชัดเจน

Presentation : การนำเสนอภายในเกม

ข้อสังเกตหลัก ๆ ของตัวเกมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของกราฟิก และ Performance แต่สำหรับเกมนี้ก็ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องของ Art Style ที่มีเอกลักษณ์และสีสันสดใส สวยงามน่ารักไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฉาก หรือ ตัวละครที่จะเป็น Model แบบ 3D หรือภาพวาด แต่ก็น่าเสียดายที่รายละเอียดภายในเกมกลับดูตกยุคเกินไปหน่อย รวมไปถึงการโหลดเข้าฉากที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน และปัญหา Frame Rate ลดลงก็มีให้เห็นอยู่บ้าง

ให้คะแนน 7.5 / 10 คะแนน เพราะ จากที่ได้รีวิวเกมนี้มา ภาคนี้ยังคงนำเอาสูตรสำเร็จที่แฟน ๆ ชื่นชอบมาใช้ ประกอบกับกิจกรรมมากมายภายในเกมที่มีให้ทำไม่รู้จบ Gameplay ที่ผสมผสานหลาย ๆ ส่วนเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องกราฟิกให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการเล่นเท่าที่ควรครับ