รีวิวเกม Dying Light 2 Stay Human

ในเกม Dying Light ภาคแรกที่วางจำหน่ายไปเมื่อปี 2015 นั้น เต็มไปด้วยความพยายามมากมาย จนทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งเกม First Person Zombie ที่มีโลกแบบ Open World ที่เรียกว่าดีที่สุด ณ เวลานั้น และผ่านไปกว่า 7 ปี เราก็ได้เห็นภาคต่อของเกมนี้ที่ถูกพัฒนา ที่จะใช้ชื่อว่า Dying Light 2 Stay Human ที่ทางทีมงานนั้นก็ได้รับรองว่าจะดีกว่าในภาคแรกแน่นอน อีกทั้งเรื่องราวของเกมที่เข้มข้น ก็มาติดตามกันในรีวิวเกมนี้กันครับว่า เกมนี้จะสามารถทำออกมาได้ดีเหมือนภาคที่ผ่านมาหรือไม่

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation , Xbox , Nintendo และ PC เท่านั้น

ราคา 1899 บาท บนร้านค้า Steam

Dying Light 2 Stay Human : วิ่ง สู้ ฟัดในโลกของซอมบี้

Game About : รายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกม

เช่นเดียวกันกับภาคแรก ที่ในช่วงต้นเกมนั้นจะถูกเปิดมาด้วยความกดดัน และ เข้มข้นทั้งเรื่องราวที่เป็นเส้นตรง ตื่นเต้น และข้อจำกัดในการเล่น ไปจนถึงความสามารถของตัวละคร ที่จะเน้นการหลบหลีกมากกว่าการเผชิญหน้า ที่จะให้อารมณ์เหมือนเป็นการ Tutorial สิ่งต่าง ๆ ของเกม ไม่ว่าจะเป็น Setting ในโลกซอมบี้ที่ล่มสลายมานาน และ Gameplay ที่ผสมผสานการวิ่ง ปีนป่าย กระโดดเข้ากับการต่อสู้ ไปจนถึงการลอบเร้น ก่อนที่ผู้เล่นจะได้เข้าไปสู่โลก Open World ที่กว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ให้ทำมากมาย แต่ก็น่าเสียดายที่การนำเสนอเรื่องราวภายในเกมดูน่าเบื่อเกินไปหน่อย

Gameplay : ระบบภายในเกม

ถึงแม้ว่าภาคนี้จะมีอาวุธระยะไกลเข้ามาให้ใช้ แต่ก็ดูไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับความสามารถและความหลากหลายของอาวุธระยะประชิด ที่การต่อสู้นั้นจะเน้นไปที่การ Block ให้ถูกจังหวะ เพื่อที่จะทำให้ศัตรูมึนแล้วสวนกลับ นอกจากนั้นบางการโจมตีที่ไม่สามารถ Block ได้ก็ต้องใช้ความสามารถในการหลบหลีกแทน ที่ส่วนนี้ก็จะทำให้ผู้เล่นต้องมีสติ และสังเกตคู่ต่อสู้ให้ดีด้วย ซึ่งหลัก ๆ ที่เปลี่ยนไปในภาคนี้คือ อาวุธจะไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้ว แต่ก็ช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้กับการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ผู้เล่นจะถูกบังคับให้ต้องคอยเปลี่ยนอาวุธอยู่ตลอด หรือเข้าไป Mod อาวุธในร้านค้าแทน ที่จะสามารถเพิ่มความทนทานให้กับอาวุธ แถมยังเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับอาวุธได้อีก

Presentation : การนำเสนอภายในเกม

ในส่วนของงานภาพนั้น Dying Light 2 ยังถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจ และทำได้ตามมาตรฐานของเกม Open World ระดับ AAA ของยุคนี้ ทั้ง Art Style ที่สื่อสารอารมณ์ของโลกที่ล่มสลายได้อย่างดี รายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ แสงและเงาก็ถือว่าโอเค แต่จะมีข้อสังเกตในการ Re Use สิ่งต่าง ๆ เยอะไปสักหน่อย ทั้งพื้นผิว สิ่งของ รวมไปถึง NPC ตัวประกอบ ก็มีอารมณ์ร่วมที่ค่อนข้างดี และ Audio Design ก็ทำออกมาได้อย่างดี ทั้งเสียงเพลงของแต่ละเหตุการณ์ ที่มีตั้งแต่ตื่นเต้น เหงา ๆ ไปจนถึงเร้าใจเลย

ให้คะแนน 8.5 / 10 คะแนน เพราะ เกมนี้แบกรับความคาดหวังจากความยอดเยี่ยมในภาคแรกเอาไว้มากมาย แม้ว่าอาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ และยังไปไม่สุด ด้วยข้อสังเกตต่าง ๆ เช่นเรื่องราวหลักที่ธรรมดาเกินไป การเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา และการต่อสู้ที่อาจจะไม่ได้หลากหลายเท่าที่ควร แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นได้สนุกตลอดทั้งเกมเลย