รีวิวเกม Solar Ash

หากจะมองว่าเกมคือศิลปะก็คงไม่ผิดอะไร และเกมล่าสุดจากทีมงาน Heart Machine จะให้ประสบการณ์เหมือนนั่งเสพงานศิลป์อยู่ก็คงไม่เกินไปนัก ทั้งงานภาพ Sound และ Gameplay รวมไปถึงเรื่องราวที่ดราม่าและเจ็บปวด ก็มาดูกันว่า Solar Ash จะกลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของค่ายเกม Indy ได้มากน้อยแค่ไหนในรีวิวเกม ๆ นี้พร้อม ๆ กันเลย

สามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์ม PlayStation 4 , PlayStation 5 และ PC เท่านั้น

ราคา 529 บาท

Solar Ash : เกมที่ให้อารมณ์เหมือนชมศิลปะ

Story & Game Design : เรื่องราวและรายละเอียดของเกม

ตลอดทั้งเกมผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Ray ที่เป็น Void Runner ที่มีเป้าหมายคือการช่วยเหลือโลกของตัวเองจากหายนะที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของดวงดาว โดยจะต้องหาและเปิดใช้งาน Star Seat ที่จะเป็นการป้องกันหายนะในครั้งนี้ได้ เรื่องราวหลักภายในเกมนั้นจะถูกกระจายภายในเกม ที่จะช่วยขยายโลกและช่วยเล่าเรื่องราวจากหลากหลายมุมมองได้อย่างดี แม้ว่าเรื่องราวในเกมจะออกแนว Sci – Fi แต่การนำเสนอก็ไม่ได้มีแต่ด้านเทคนิคมากนัก เพราะตัวเกมยังมีเรื่องราวส่วนตัวของตัวละครที่ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีมาก ๆ ผ่าน Voice Acting ที่ยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ แม้ว่าจะมีในบางเหตุการณ์ที่อาจจะดูไม่สมเหตุสมผล แต่โดยรวมแล้วเรื่องราวของเกมประมาณ 5 – 7 ชั่วโมงก็ถือว่าเป็นอีกเกมที่มีเรื่องราวที่น่าติดตามอยู่ตลอดเวลาเลย

Gameplay : ระบบภายในเกม

รูปแบบ Gameplay ภายในเกมนั้นถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกับมีชีวิตของมันเอง ทั้งการเคลื่อนไหวด้วยการสไลด์ไปบนพื้นผิวที่แตกต่างกันของดวงดาว ผสมผสานเข้ากับ Action ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด หรือ ปีนป่าย ที่ทำออกมาได้ลื่นไหลทุก ๆ อย่าง ทำให้การเดินทางภายในเกมเต็มไปด้วยความต่อเนื่อง ส่วนในด้านของการต่อสู้นั้นก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน และอาจจะน่าเบื่อไปเลยด้วยซ้ำ โดย Ray หรือตัวละครของเราจะสามารถฟันสิ่งต่าง ๆ ได้ในระยะที่กำหนด พร้อม ๆ กับต้องคอยหลบหลีกการโจมตีของศัตรู และสิ่งที่น่าหงุดหงิดในการต่อสู้คือมุมกล้องภายในเกม ที่ในบางครั้งก็อาจจะทำให้ผู้เล่นโดนโจมตีโดยที่ไม่จำเป็น และในการต่อสู้กับบรรดาบอสก็ทำออกมาได้อลังการและน่าจดจำมาก ๆ

Presentation : การนำเสนอภายในเกม

โลกภายในเกมก็เป็นอะไรที่โดดเด่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็น Art Style ที่แปลกตา ลายเส้นหรือสีสันที่มีความฉูดฉาด ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่บนดวงดาวที่ถูกทิ้งร้าง และที่แน่นอนว่างานภาพคือส่วนสำคัญที่ทำให้เกมนี้เป็นที่จดจำ ส่วนงานด้านเสียงก็ทำออกมาได้ไม่แย่จนเกินไป ที่ก็ผสมผสานกับงานภาพได้อย่างลงตัว ที่จะเป็น Sound ที่สดใสในบรรยากาศที่น่าอึดอัด

ให้คะแนน 8 / 10 คะแนน เพราะ ตั้งแต่รีวิวเกมมา เกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ให้ประสบการณ์ที่ค่อนข้างรื่นรมย์ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับคำว่ายอดเยี่ยม ด้วย Action ภายในเกมที่ยังธรรมดาเกินไป ปัญหามุมกล้องและปัญหาด้านเทคนิค ก็อาจจะทำให้ Gameplay ขาดความต่อเนื่องไปอยู่บ้าง แต่ด้วย Setting ที่น่าสนใจ การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม และงานด้านภาพและเสียงก็ทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทำให้หลาย ๆ คนชื่นชอบได้เลย