Justice Chronicles เกม RPG จากแดนปลาดิบ ที่เด็ก ๆ ในยุค 90 คุ้นเคยกันอย่างดี มีประวัติยาวนานมากกว่า 40 ปี แม้ในปัจจุบันจะมีการผลิตเกมใหม่ ๆ ออกมามากมาย แต่เกมนี้ก็ยังคงครองใจแฟน ๆ ได้เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง และในครั้งนี้เป็นการ come back อีกครั้ง ที่ทีมผู้พัฒนาได้พัฒนาตัวเกมให้มีความทันสมัย ใส่ไอเดียที่เพิ่มความน่าสนใจ และล่าสุดได้เปิดตัวเกมนี้ ไปบนคอนโซล PS4 รวมไปถึง PC รีวิวเกมส์ในวันนี้เราจะขอนำเสนอ เกมแนว JRPG รีเมก ไปดูกันว่าการกลับมาในครั้งนี้ จะว๊าวกันแค่ไหน
Justice Chronicles เกมยุค 90 ที่โดดเด่นในเรื่องสปีดความเร็ว
เนื้อหาของเกม : เนื้อเรื่องที่เรียบง่ายสไตล์ยุค 90 พูดถึงเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร 2 อาณาจักร ตัวละครเอกในเรื่องจึงต้องหาทางออกเพื่อยุติเรื่องนี้ โดยได้ไปทำสัญญากับเทพเจ้าแห่งความตาย หลังจากนั้นเขาจึงได้รับพลังพิเศษ และได้ออกเดินทางค้นหาความจริงเพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และรักษาอาณาจักรให้คงอยู่ต่อไปอย่างสงบสุข
ภาพกราฟิก : ในเวอร์ชั่นนี้ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก ตัวเกมยังคงความคลาสสิกของเกมในยุคสมัยก่อน ซึ่งก็เป็นภาพแบบ 16 Bit แต่ก็ได้มีการปรับโมเดลตัวละครและฉากให้มีภาพที่คมชัดมากขึ้นเพื่อให้เข้ากับหน้าจอ HD ในปัจจุบัน และสัดส่วนของหน้าจอที่เปลี่ยนไปเพราะบน 3DS เป็นแบบ 2 จอ ต้องปรับให้เหลือจอเดียว ฉากต่อสู้ที่มีเนื้อที่ที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ภาพในขณะที่เล่นอยู่ดูกว้างขวาง สบายตาขึ้น
ซาวด์ประกอบเกม : ที่ทำออกมาได้ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม เป็นแบบฉบับมาตรฐาน JRPG ในปัจจุบัน เพราะได้มีการปรับปรุงคุณภาพของเสียงให้ดีขึ้น แต่ถ้าหากเทียบกับเกม JRPG ในปัจจุบันก็ถือว่ายังขาดในเรื่องของเสียงพากย์ ซึ่งถ้าใส่เข้าไปจะทำให้เกมดูน่าติดตามกว่าเดิม เพราะเดิมทีเนื้อเรื่องของเกมนี้มีเนื้อหาที่เข้มข้นพอสมควร ความรุนแรงที่ใส่เข้าไปเพื่อความดุเดือด และการหักมุมต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรให้ลุ้นตลอดเวลา แต่จากการทำภาพกราฟิกออกมาเป็นแบบ 16 Bit ทำให้การถ่ายทอดของเรื่องราวออกทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก
รูปแบบการเล่น JRPG : ยังคงมีระบบการเล่นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป สำหรับตัวเกมที่เป็นแนว Turn based RPG ที่นำเสนอตัวภาพกราฟิกและการเล่นแบบมุมมอง 2 มิติ ที่ต้องมองจากด้านบน ทั้งฉากในหมู่บ้านและดันเจี๊ยน โดยฉากต่อสู้แต่ละฉากจะมาแบบสุ่มที่เราไม่สามารถมองเห็นศัตรู และการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่เห็นตัวศัตรูในมุมมองของบุคคลที่ 1 แล้วมีเมนูเพื่อให้ใส่คำสั่งโจมตี หรือ ท่าไม้ตายต่าง ๆ
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นง่าย เข้าถึงง่าย ถึงจะดูเชยไปสักหน่อยก็ตาม หากไม่มีเวลาเล่นหรือติดธุระก็มีระบบ Auto ใส่มาให้ด้วย แต่อาจจะติดปัญหาตรงศัตรูที่เราต้องต่อสู้ ที่มีความโหดร้าย และแข็งแกร่งพอสมควร หากไปเจอโหมดที่ยากแล้วเจอศัตรูที่เก่งมาก ๆ แล้วด้วย ก็อาจจะทำให้เหนื่อยหน่อยในการต่อสู้ เพราะฉะนั้นการวางแผนการเล่นก็มีส่วนที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสชนะศัตรูได้นั้นเอง
จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม : เป็นเหมือนเกมที่รวมความหลากหลายของเกมต่าง ๆ มารวมไว้ที่เดียว ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดีและลงตัวพอสมควร เช่น การมีเทพประจำตัวมาเป็นผู้ช่วยในการเล่น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับความสามารถในการต่อสู้ของตัวละคร หรือการใส่ลูกแก้วไว้กับตัวต้องนั่งเก็บเลเวลเพื่อเพิ่มค่าพลังหรือท่าไม้ตาย และยังมีการใส่เวทมนตร์เข้ามาในตัวเกมอีกด้วย บอกได้เลยว่ามีความหลากหลาย ไม่รู้ว่าจะเล่นตัวไหนก่อนดี
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเหมือนไฮไลท์ของเกมคือ : ความเร็วในการเล่น ที่โดยปกติเกม RPG ในยุค 90 จะมีความช้าในการดาวน์โหลด หรือ ปฏิกิริยาของตัวละครที่เวลาออกแอ๊กชันจะช้า ทำให้ผู้เล่นหงุดหงิดหัวร้อนได้ง่าย แต่ว่าในเกมนี้ทีมผู้พัฒนาได้ปรับความเร็วในการเล่นให้เหมือนเกมทั่วไปในยุคนี้ ทั้งในเรื่องของการดาวน์โหลดที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน หรือแม้กระทั่งฉากต่อสู้ที่สามารถปรับความเร็วตามที่เราต้องการได้ และอีกหนึ่งส่วนที่ต้องพูดถึงก็คือ แผนที่ในเกม ที่เราสามารถเลือกจุดที่ต้องการจะไปได้เลย โดยไม่ต้องมาเสียเวลาในการเดิน จุดนี้ถือว่าอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นได้ดีมาก ๆ เลย
สรุปโดยรวม : แม้ว่าตัวเกมจะดูมีความเป็นเกมเก่า ล้าสมัย ที่มีภาพกราฟิกแบบ 16 Bit 2 มิติ แต่ทีมผู้พัฒนาก็ได้ปรับปรุงหลายละเอียดในหลายส่วนให้ดีขึ้นไม่น้อย หลัก ๆ ที่โดดเด่นจะเป็นเรื่องของความเร็วของตัวเกมที่ปรับเข้ากับยุคสมัย ที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วทันใจ หากใครเคยเล่นเกมนี้ในเวอร์ชั่นเดิมมาก่อน ก็ขอให้ต่อด้วยเวอร์ชั่นนี้ดูนะ แล้วคุณจะได้สัมผัสถึงความแตกต่างที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถดาวน์โหลดกันได้แล้ว ในร้านค้า Steam
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์